การรับประทานอาหารอย่างมีสติ
รับประทานอาหารอย่างมีสติ เป็นการฝึกสมาธิที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งอีกประการหนึ่ง เรามีโอกาสที่จะได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งกับปาฏิหาริย์ของอาหารและผู้คนรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว มิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนกัลยาณมิตรบนหนทางการภาวนา
สติจะช่วยให้เราได้มองอย่างลึกซึ้งเพื่อจะได้เห็นความมหัศจรรย์ของผืนโลกและท้องฟ้าในสิ่งที่เรากินดื่มและบริโภค เราจะสามารถแลเห็นการทำงานหนัก ทั้งเงื่อนไขเหตุปัจจัยที่ได้นำมาสู่เราในขณะนี้ ความสำนึกรู้คุณและความรู้สึกชื่นชมจะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อมองอย่างลึกซึ้ง เราจะพบว่าในสิ่งที่เรียบง่ายอย่างถ้วยน้ำชา ผลส้ม หรือชิ้นขนมปังนั้น เป็น “ทูตแห่งจักรวาล” อย่างแท้จริง การรับประทานด้วยพลังแห่งสติจะทำให้เรามีประสบการณ์ตรงถึงความเป็นดั่งกันและกันระหว่างเรากับผืนโลกที่หล่อเลี้ยงและดำรงสืบเนื่องชีวิตเราไว้ อันจะช่วยบรรเทาเยียวยาความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว
เราจะตระหนักรู้ถึงปาฏิหาริย์แห่งร่างกาย อันได้แก่ ต่อมรับรสในปากของเรา และร่างกายจะแปรเปลี่ยนอาหารไปเป็นพลังงานและพลังชีวิต เราจะมีโอกาสได้พบพลังนิสัยของเราอันเกี่ยวเนื่องกับอาหารซึ่งอาจจะถูกส่งผ่านมาสู่เราผ่านหลายรุ่น
ที่หมู่บ้านพลัม เรามีบทพิจารณาอาหารก่อนการรับประทาน ดังนี้
- อาหารนี้เป็นของกำนัลแห่งจักรวาล พื้นดิน ท้องฟ้า สรรพชีวิต และการทำงานหนัก ด้วยความรัก ความเอาใจใส่
- ขอให้เรารับประทานอาหารอย่างมีสติ และด้วยความระลึกรู้บุญคุณ เพื่อให้เรามีคุณค่าเพียงพอที่จะรับอาหารนี้
- ขอให้เราตระหนักรู้ และเปลี่ยนแปรสภาพจิตที่ไม่ก่อประโยชน์ โดยเฉพาะความโลภ
- ขอให้เราถนอมรักษาความเมตตากรุณาให้คงอยู่เสมอ โดยรับประทานอาหารในวิธีที่จะสามารถลดทอนความทุกข์ของสรรพชีวิต ถนอมรักษาโลกของเรา และช่วยยับยั้งการกระทำที่ก่อให้เกิดสภาพภูมิอากาศแปรปรวน
- เรายอมรับอาหารนี้ เพื่อที่เราจะได้บำรุงรักษาความรักฉันพี่น้อง สร้างสังฆะ และหล่อเลี้ยงอุดมคติแห่งการรับใช้สรรพชีวิต
เราจะฝึกให้รับประทานอาหารช้าลง เพื่ออนุญาตให้เราได้ลิ้มรสอย่างเต็มปากในทุกคำอย่างแท้จริง เราจะฝึกฝนตัวเราให้เคี้ยวอาหารแต่ละคำอย่างน้อย 30 ครั้ง และอนุญาตให้ตัวเราได้ช้าลงเพื่อจะได้สัมผัสกับอาหารอย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องรีบกลืน เมื่อเราสามารถทำได้เช่นนี้ เราจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความสงบศานติและความเป็นอิสระในชั่วขณะปัจจุบันนี้ทันที พวกเราหลายคนอาจจะวางช้อนหรือส้อมลงในขณะที่กำลังเคี้ยวคำข้าว หรือวางมือของเราเพื่อผ่อนคลาย โดยไม่ต้องรีบเร่งจะตักคำต่อไปในขณะที่เรายังมีอาหารเต็มคำอยู่ในปาก